เมนูนำทาง
การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน มีผู้ป่วยยืนยันแล้วณ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรีนิช 07.09 น. มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ยืนยันแล้ว 152,043,671 คนใน 229 ประเทศและดินแดน[326] มีผู้เสียชีวิตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้วมากกว่า 3,194,440คน และผู้หายป่วยแล้วมากกว่า 129,338,195 คน[327]
ณ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรีนิช 07.09 น. มีจำนวน 8 ประเทศ ที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100000 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประเทศบราซิล ประเทศอินเดีย ประเทศเม็กซิโก สหราชอาณาจักร ประเทศอิตาลี ประเทศรัสเซีย ประเทศฝรั่งเศส
มีจำนวน 9 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80,000 ราย โดย ประเทศเยอรมนี รายงานรวม 83,542 ราย เป็นอันดับที่ 9 ของโลก
มีจำนวน 16 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50,000 รายขึ้นไปโดย ประเทศแอฟริกาใต้ มีผู้เสียชีวิตรวม 54,350 ราย เป็นอันดับที่ 16 ของโลก
มีจำนวน 25 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20000 รายขึ้นไปโดย ประเทศแคนาดา มีผู้เสียชีวิตรวม 24,219 ราย เป็นอันดับที่ 25 ของโลก
มีจำนวน 42 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10000 รายขึ้นไปโดย ประเทศญี่ปุ่น มีผู้เสียชีวิตรวม 10,194 ราย เป็นอันดับที่ 42 ของโลก
มีจำนวน 55 ประเทศ ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5000 รายขึ้นไป โดย ประเทศฮอนดูรัส มีผู้เสียชีวิต 5,281 ราย อันดับที่ 55 ของโลก
ในส่วนของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ และ ผู้เสียชีวิตอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ณ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรีนิช 07.09 น. มี 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 1 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประเทศบราซิล มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ประเทศอินเดีย มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ประเทศสเปน มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ประเทศฝรั่งเศส มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 4 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 8 ของโลก ประเทศอิตาลี มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 8 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 6 ของโลก สหราชอาณาจักร มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 7 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ประเทศเยอรมนี มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 10 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 9 ของโลก
อีกทั้งยังพบผู้ป่วยในเรือสำราญอีก 26 ลำ มีผู้เสียชีวิตบนเรือ เรือ เอ็มเอส ซานดัม 2 ราย และ ไดมอนด์พรินเซส (เรือ) 13 ราย เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นพื้นที่เหนือสุดของโลกที่พบผู้เสียชีวิตได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ พื้นที่ใต้สุดของโลกที่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี
ในวันทึ่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี เวลามาตรฐานกรีนิช 23.59 น. มีผู้ติดเชื้อรวม 83,745,648 ราย มีผู้เสียชีวิตรวม 1,824,074 ราย มีผู้หายป่วย 59,279,270 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรีนิช 01.40 น. เมื่อเรียงตามจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในแต่ละประเทศ 25 อันดับแรกของโลก พบว่า 12 ประเทศอยู่ในทวีปยุโรปคิดเป็นอัตราร้อยละ 48 % โดยจำนวนประเทศ 25 อันดับแรกของโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20000 รายของแต่ละประเทศ และเมื่อเรียงตามจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก พบว่าอยู่ในทวีปยุโรป 5 ประเทศ หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 50 ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรีนิช 01.40 น. จำนวนผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรป คิดเป็น 32.16 % ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปยุโรปอยู่ที่ ประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ประเทศรัสเซีย
ผู้ป่วยรายแรก ๆ ของทวีปยุโรปมีรายงานจากในประเทศฝรั่งเศสและในประเทศเยอรมนีรวมถึงประเทศอื่น ๆ โดยเป็นผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศอิตาลี ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของมิลาน จากนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคไปทั่วทั้งทวีปยุโรป โดยหลังจากที่ประเทศมอนเตเนโกรได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ทำให้มีผู้ป่วยอยู่ในทุกประเทศเอกราชของทวีปยุโรป
ต่อเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ได้มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในไอล์ออฟแมนซึ่งเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร และพบการติดเชื้อในดินแดนที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องอำนาจอธิปไตยของตนเองอย่างทรานส์นีสเตรีย[328]นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในดินแดนปกครองตนเองอย่างหมู่เกาะโอลันด์ทำให้การติดเชื้อพบในทุกประเทศเอกราชและของทวีปยุโรป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของไวรัสหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศจีน[329][330] [327][331][332][333]ณ วันที่ 2 ธันวาคม วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปจำนวนสูงสุด 12 อันดับแรก (นับเฉพาะทวีปยุโรป) ได้แก่ สหราชอาณาจักร 127,270 ราย ประเทศอิตาลี 116,927 ราย ประเทศรัสเซีย 105,582 ราย ประเทศฝรั่งเศส 100,733 ราย ประเทศเยอรมนี 80,591 ราย ประเทศสเปน 76,981 ราย ประเทศโปแลนด์ 62,032 ราย ประเทศยูเครน 39,786 ราย ประเทศเช็กเกีย 28,426 ราย ประเทศโรมาเนีย 26,232 ราย ประเทศฮังการี 25,184 ราย ประเทศเบลเยียม 23,718 ราย ทั้ง 12 ประเทศยังจัดว่าเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิต ติด 25 อันดับแรกของโลก (มากกว่า 20,000 รายขึ้นไป)
ณ 8 เมษายน พ.ศ. 2564 เวลามาตรฐานกรีนิช 04.23 น. ผู้ติดเชื้อในทวีปยุโรป 40,823,580 ราย และเสียชีวิตรวม 936,709 ราย
พบผู้ติดเชื้อแต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะโอลันด์ และ นครรัฐวาติกัน พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดได้แก่ หมู่เกาะแฟโร เสียชีวิต 1 ราย
พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อได้แก่ สฟาลบาร์ และ ยานไมเอน ไม่พบผู้ติดเชื้อ
ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 หมู่เกาะที่มีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียวได้แก่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (หมู่เกาะในทวีปอเมริกาเหนือ)ส่วน หมู่เกาะเคย์แมน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ไอล์ออฟแมน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย หมู่เกาะแชนเนล มีผู้เสียชีวิต 86 ราย เกิร์นซีย์ มีผู้เสียชีวิต 14 ราย เรอูนียง มีผู้เสียชีวิต 52 ราย หมู่เกาะเติกส์และเคคอส มีผู้เสียชีวิต 14 ราย
ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 แซ็งปีแยร์และมีเกอลง มีผู้ติดเชื้อ 16 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แองกวิลลา มีผู้ติดเชื้อ 18 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศรัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 4,702,101 ราย เป็นอันดับ 5 ของโลก และเสียชีวิต 105,582 ราย เป็นอันดับที่ 7 ของโลก
รัสเซียเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดโดยผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 59 รายที่แคว้นมูร์มันสค์
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 สหรัฐอเมริกา ประเทศเม็กซิโก และ ประเทศแคนาดา เป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาเหนือ
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ทวีปอเมริกาเหนือมีจำนวน 3 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตในแต่ละประเทศมากกว่า 23,600 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประเทศเม็กซิโก ประเทศแคนาดา จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทวีปอเมริกาเหนือคิดเป็น 27.92%
พบผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 4 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 2 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 ในเกาะเซนต์มาร์ติน ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส โดยตัวผู้ป่วยได้เดินทางมาจากฝรั่งเศสผ่านดินแดนซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ และแซ็ง-บาร์เตเลมี ซึ่งบุตรชายของผู้ป่วยได้เกิดการติดเชื้อขึ้น ทั้งคู่เดินทางกลับไปยังเกาะเซนต์มาร์ตินและถูกตรวจพบที่ท่าอากาศยาน และได้ถูกส่งตัวต่อไปกักโรคที่โรงพยาบาลบนเกาะ[334] ขณะที่ในกัวเดอลุป มีรายงานผู้ป่วยจำนวนหนึ่งคน[335]
ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 เกาะเซนต์มาร์ติน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย กัวเดอลุป มีผู้เสียชีวิต 159 ราย แซ็ง-บาร์เตเลมี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศปานามา มีผู้เสียชีวิต 6,188 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 360,841 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศกัวเตมาลา มีผู้เสียชีวิต 7,221 ราย ผู้ติดเชื้อ 212,734 ราย
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประเทศเม็กซิโกมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 3 คน เป็นชายอายุ 35 ปี และ 59 ปีในเม็กซิโกซิตี และชายอายุ 41 ปีในรัฐซีนาโลอา ซึ่งทั้งสามมีผลการทดสอบเป็นบวกและได้ถูกกักโรคไว้ที่โรงพยาบาลและโรงแรม ตามลำดับ สองคนแรก ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังเมืองเบอร์กาโม ประเทศอิตาลี และพำนักอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์[336][337][338][339] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วยรายที่สี่ เป็นหญิงอายุ 20 ปี ซึ่งได้มีการเดินทางไปยังประเทศอิตาลีมา[340] วันที่ 1 มีนาคม มีการพบผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นนักศึกษาในรัฐเชียปัส ซึ่งเพิ่งได้เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[341]
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิต 212,339 ราย เป็นอันดับ 3 ของโลก และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 2,305,602 ราย เป็นอันดับที่ 14 ของโลก
ณ วันที่ 4 มีนาคม มีรายงานผู้ป่วยโคโรนาไวรัสในประเทศแคนาดา 33 คน โดยแบ่งเป็นพบในบริติชโคลัมเบีย 8 คน รัฐออนแทรีโอ 24 คน และรัฐควิเบก 1 คน[342] ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และรักษาหายแล้วจำนวน 8 คน (แบ่งเป็นบริติชโคลัมเบีย 5 คน และรัฐออนแทรีโอ 3 คน)[343]
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 แคนาดามีผู้เสียชีวิต 23,623 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1,121,498 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เกาะแบฟฟิน
วันที่ 21 มกราคม สหรัฐรายงานพบผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปีที่อาศัยอยู่ในเทศมณฑลสโนโฮมิช รัฐวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นที่ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเทิล–ทาโคมา ในวันที่ 15 มกราคม
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วย 66 คน[344] และมีผู้หายป่วยจำนวน 7 คน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐรายงานพบผู้ป่วยใน รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอาจเป็นกรณีแรกของการติดต่อกันภายในประเทศ[332] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทางการรัฐวอชิงตันแถลงยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคโคโรนาไวรัสในสหรัฐ[345]
วันที่ 2 มีนาคม เทศมณฑลคิง รัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 14 คน และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 5 คน[346] ศูนย์อนามัยออรีกอนยังได้รายงานว่าพบผู้อาจติดเชื้อใหม่จำนวนสามรายในรัฐด้วย ซึ่งเป็นชายในเทศมณฑลอูมาทิลลา ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในวัลลาวัลลา รัฐวอชิงตัน[347]
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 581,061 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 19.15% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก และมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 32,404,454 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นเดียวกัน พื้นที่ที่ไม่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ อเมริกันซามัว
วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสรายแรกในประเทศโดมินิกัน และภูมิภาคแคริบเบียน เป็นชายอายุ 62 ปีจากประเทศอิตาลี ซึ่งเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเกิดอาการป่วยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยผู้นี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทหารรามอนลารา[348]
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 3,418 ราย มีผู้ติดเชื้อ 261,129 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศฮอนดูรัส มีผู้เสียชีวิต 4,954 ราย มีผู้ติดเชื้อ 200,259 ราย
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดในพื้นที่วงกลมอาร์กติก ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ (Murmansk Oblast) มีผู้ติดเชื้อ 39,989 ราย หายแล้ว 35,767 และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 728 ราย เทศบาลทรุมเซอ และ เทศมณฑลฟินมาร์ก ประเทศนอร์เวย์ พบผู้ติดเชื้อ 1,241 รายรัฐอะแลสกา เฉพาะพื้นที่ใน วงกลมอาร์กติก ได้แก่ เขตนอร์ทสโลป (North Slope Borough) ติดเชื้อ 746 ราย เสียชีวิต 2 ราย และ เขตนอร์ทเวสต์ อาร์กติก (Northwest Arctic Borough) ติดเชื้อ 376 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 42,352 ราย เสียชีวิต 730 ราย
ดินแดนในอาร์กติกที่อยู่ในวงกลมอาร์กติก มีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่โรงงานแก๊สธรรมชาติเหลว ในหมู่บ้านเบโลคาเมนกา (Belokamenka) ในเมือง มูร์มันสค์ ในประเทศรัสเซีย ราว 200 ราย[349][350]
วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาใต้ อยู่ที่ ประเทศบราซิล ประเทศเปรู และ ประเทศชิลี ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ทวีปอเมริกาใต้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 12,000 ราย ทั้งหมด 7 ประเทศ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในทวีปคือ เกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช
พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ได้แก่ที่ ประเทศบราซิล 373,442 ราย อันดับที่ 2 ของโลกรองลงมาได้แก่ ประเทศโคลอมเบีย 68,328 ราย อันดับที่ 11 ของโลก ประเทศอาร์เจนตินา 59,228 ราย อันดับที่ 14 ของโลก ประเทศเปรู 57,230 ราย อันดับที่ 15 ของโลก ประเทศชิลี 25,177 ราย อันดับที่ 23 ของโลก
พบผู้ติดเชื้อ 29 ราย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อ 829,770 ราย อันดับที่ 23 ของโลก เสียชีวิต 25,177 ราย อันดับที่ 23 ของโลกประเทศชิลีเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้แอนตาร์กติกามากที่สุดโดยพบที่ แคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา มีผู้เสียชีวิต 224 ราย[351]
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อ 13,943,071 ราย เป็นอันดับที่ 3 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 373,442 ราย เป็นอันดับที่ 2 ของโลก
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อ 1,704,757 ราย เป็นอันดับที่ 17 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 57,230 ราย เป็นอันดับที่ 15 ของโลก
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564จำนวนผู้ติดเชื้อ 2,652,947 ราย เป็นอันดับที่ 13 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 68,328 ราย เป็นอันดับที่ 11 ของโลก
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อ 2,694,014 ราย เป็นอันดับที่ 11 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 59,228 ราย เป็นอันดับที่ 14 ของโลก
วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ 36 รายในฐานวิจัยนายพลเบอร์นาร์โด โอ’ฮิกกินส์ เกลเม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ฐานวิจัยของชิลีที่ตั้งอยู่ในดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี
ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 ดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี รายงานผู้ติดเชื้อ 58 รายและหายป่วย 58 ราย
ตั้งแต่ วันที่ 5 ตุลาคม ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปเอเซีย อยู่ที่ ประเทศอินเดีย ประเทศอิหร่าน
ใน วันที่ 25 ธันวาคม ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อใน ประเทศเติร์กเมนิสถาน เกาะคริสต์มาส หมู่เกาะโคโคส (คีลิง) และ ประเทศเกาหลีเหนือ
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 10000 ราย มีจำนวน 8 ประเทศ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ กัมพูชายืนยันพบผู้ป่วยครั้งแรกในเมืองพระสีหนุ เป็นชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางไปยังเมืองนี้จากนครอู่ฮั่นพร้อมครอบครัว[352] โดยคนในครอบครัวของเขาถูกกักไว้ พวกเขาไม่มีการแสดงอาการของไวรัส ขณะที่ชายคนดังกล่าวถูกแยกไว้เพื่อรักษาที่โรงพยาบาลส่งต่อพระสีหนุ (Preah Sihanouk Referral Hospital)[353] มีรายงานว่าอาการของเขาคงที่แล้ว[354][355]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 6,389 ราย มีผู้เสียชีวิต 43 ราย
กระทรวงสาธารณสุขแห่งกาตาร์ รายงานว่าพบผู้ป่วยไวรัสรายแรกในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยเป็นชาวกาตาร์ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน[356][357][358]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 382 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 196,580 ราย
เกาหลีใต้มีผู้ป่วยในวันที่ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวน 114,646 ราย และเสียชีวิต 1,801 ราย เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน[359] ผู้ป่วยรายแรกของการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563[360] วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 20 คน และวันที่ 20 เพิ่มขึ้นอีก 53 คน ทำให้มีผู้ป่วยรวมขณะนั้นที่ 104 คน ตามการรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนมากมาจาก "ผู้ป่วยรายที่ 31" ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมที่โบสถ์ชินช็อนจีในแดกู[361]
ประเทศคูเวตในปัจจุบันเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลกอาหรับ และมีจำนวนผู้ป่วยเป็นรองเพียงประเทศอิหร่านในเอเชียตะวันตก โดยมีผู้ป่วยในประเทศถูกพบแล้ว ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวน 256,987 คน[362]เสียชีวิต 1,448 ราย
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์เจียยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นชายอายุ 50 ปี ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้กลับเข้าสู่จอร์เจียทางพรมแดนประเทศอาร์เซอร์ไบจานโดยรถแท็กซี[363][364][365][366]
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันว่าผู้หญิงชาวจอร์เจียอายุ 31 ปีที่เพิ่งเดินทางไปประเทศอิตาลีมามีผลการทดสอบเป็นบวก และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี[366] นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกกักกันอยู่ณโรงพยาบาลทบิลิซีอีก 29 คน โดยที่ อามิรัน กัมเกรลิเซ รัฐมนตรีอนามัยระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่ "มีความเป็นไปได้สูง" ที่อาจมีไวรัสอยู่[367]
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 3,939 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 295,358 ราย
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์แดนริเริ่มการห้ามบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิหร่านเข้าสู่ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว[368] ประเทศจอร์แดนได้ทำการคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้าสู่ประเทศผ่านทางท่าอากาศยาน โดยมีการตรวจสอบทรวงอกและลำคอตลอดจนอุณหภูมิร่างกาย ส่วนชาวจอร์แดนที่มีผลทดสอบเป็นบวกจะถูกกักโรคไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์[369]
วันที่ 2 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจอร์แดนแถลงว่าพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในประเทศ[370][371] เป็นชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการกักโรคชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[370][372]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มี มีผู้เสียชีวิต 8,246 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 685,973 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 4,636 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อ 90,510 ราย ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนดำเนินการปิดเมืองอู่ฮั่นเนื่องด้วยการระบาดทั่วของโควิด-19
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศระงับการเข้าประเทศเป็นการชั่วคราวสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเมกกะ หรือผู้ที่ต้องการเดินทางไปเข้าชมมัสยิดอันนะบะวี รวมถึงนักท่องเที่ยว ต่อมากฎนี้ได้ขยายไปครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[373]
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งซาอุดีอาระเบีย ประกาศระงับการเข้าสู่ประเทศของพลเมืองในประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าว (GCC) ยังเมกกะและมะดีนะหฺเป็นการชั่วคราว โดยพลเมืองของประเทศกลุ่ม GCC ที่พำนักอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียนานเกิน 14 วันติดต่อกัน และไม่ปรากฏอาการใด ๆ อันแสดงถึงโรคโควิด-19 นั้นจะอยู่นอกเหนือกฎดังกล่าว[373]
วันที่ 2 มีนาคม ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าพบผู้ป่วยเป็นรายแรก เป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านผ่านทางประเทศบาห์เรน[374]
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 6,823 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 404,970 ราย
ประเทศซีเรีย ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 1,446 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 21,142 ราย
ประเทศญี่ปุ่นยืนยันผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวจีนอายุ 30 ปี ซึ่งเคยมีการเดินทางไปยังอู่ฮั่นมาก่อน มีอาการเมื่อวันที่ 3 มกราคม และกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 6 มกราคม
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 9,622 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 529,829 ราย
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตอีก 14 ราย บนเรือสำราญ แต่มีผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเพียง 13 ราย เนื่องจากอีกหนึ่งราย เสียชีวิตในโรงพยาบาลที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่ได้นับรวมไว้กับตัวเลขที่รายงาน ในเว็บไซด์ worldometer
ประเทศไต้หวันพบผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 21 มกราคม[375]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิตรวม 11 ราย และผู้ติดเชื้อ 1,073 ราย
ประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไวรัสโคโรนารายแรก เป็นผู้หญิงชาวจีนอุย อายุ 32 ปี ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีผลตรวลหา SARS-CoV-2 เป็นบวก ทำให้ชาวตุรกีถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในอิสตันบูล
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศตุรกีมีผู้เสียชีวิต 35,926 ราย และมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 4,268,447 ราย
วันที่ 13 มกราคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นการพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก[376][377][378] วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นรายแรก[379]ในวันที่ 6 เมษายน เที่ยวบินจากจาการ์ตาที่ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่จังหวัดจำนวน 18 ราย
เกาะที่มีขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกของประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ 3 เกาะณ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 เฉพาะที่ภูเก็ต มีผู้ติดเชื้อ 231 ราย เสียชีวิต 3 รายซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับ 3 ของทั้งประเทศ รองจากกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ เกาะสมุย ติดเชื้อ 8 รายส่วนเกาะพะงัน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย ติดเชื้อ 1 ราย
ยอดรวมทั้งประเทศ ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 เสียชีวิต 101 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 42,352 ราย
ประเทศทาจิกิสถาน ในวันที 30 เมษายน พบติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา เป็นผู้ชายชาวทาจิกิสามคนกลับมาจากประเทศอินเดีย มีผู้ป่วย 15 ราย วันที่ 2 พฤษภาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก
ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม ทาจิกิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกันอัฟกานิสถาน ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 90 ราย ผู้ติดเชื้อ 13,308 ราย
นักศึกษาชาวเนปาลซึ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่นและถูกกักโรคอยู่ในกาฐมาณฑุ[380] กลายเป็นผู้ป่วยรายแรกของประเทศเนปาลและภูมิภาคเอเชียใต้ในวันที่ 24 มกราคม หลังจากตัวอย่างถูกส่งไปยังศูนย์ร่วมองค์การอนามัยโลกในฮ่องกง[381][382] และถูกเลิกกักตัวหลังจากที่อาการดีขึ้น[383] ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 รายงานผู้เสียชีวิต 2,777 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 274,216 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 164,110 ราย และเสียชีวิต 594 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศบังคลาเทศมีผู้เสียชีวิต 10,385 ราย เป็นและมีผู้ติดเชื้อ 718,950 ราย
ประเทศเยเมน ในวันที่ 10 เมษายน พบผู้ป่วย 1 ราย ในเมืองฮาดราเมาต์ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 1,126 ราย ติดเชื้อ 5.812 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศพม่า มีผู้ติดเชื้อ 142,628 ราย และเสียชีวิต 3,206 ราย
รัฐบาลปากีสถานเริ่มใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานในอิสลามาบาด การาจี ลาฮอร์ และเปศวาร์ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ประเทศของไวรัสโคโรนา[384] นอกจากนี้ปากีสถานอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ยังประกาศใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารก่อนเดินทางขึ้นเครื่องในเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งด้วย[385] วันที่ 27 มกราคม สภานิติบัญญัติกิลกิต-บัลติสตันประกาศหน่วงเวลาการเปิดด่านแนวเขตแดนจีน–ปากีสถานที่ช่องผ่านแดนคุนเยรับในเดือนกุมภาพันธ์[386] และยังประกาศปิดพรมแดนปากีสถาน–อิหร่านด้วย[387]
วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมในการาจีและอิสลามาบาด ทำให้จำนวนผู้ป่วยของประเทศเพิ่มเป็นสี่ราย[388] ส่วนผู้ป่วยรายแรกและรายที่สองมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศอิหร่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื้อว่าเขาติดเชื้อ[389]
วันที่ 3 มีนาคม ทางการปากีสถานยืนยันพบผู้ป่วยรายที่ห้า ในแคว้นสินธ์ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการแสวงบุญที่ประเทศอิหร่านจำนวน 960 ราย ถูกกักโรคในทันที[390]
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 16,243 ราย มีผู้ติดเชื้อ 756,285 ราย
ผู้ป่วยรายแรกของประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยืนยันในวันที่ 30 มกราคม[391] วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กรมอนามัย (DOH) ได้มีการยืนยันผู้ป่วยรายที่สาม[392]
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 15,960 ราย ผู้ติดเชื้อ 936,133 ราย
มาเก๊า ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 49 ราย
ประเทศมองโกเลีย ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 21,995 ราย เสียชีวิต 44 ราย
ชาวจีนแปดคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในรัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม หลังจากที่มีการติดต่อกับผู้ป่วยในประเทศสิงคโปร์[393] แม้จะมีรายงานในตอนแรกว่าผลการทบสอบให้ผลเป็นลบ[394] แต่ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันว่าทั้งสามคนติดเชื้อ และถูกส่งตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลสุไหงบูโลห์ในรัฐเซอลาโงร์[395][396]
วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยรายที่สิบห้าซึ่งเป็นชาวจีนได้หายป่วยอย่างสมบูรณ์ นับเป็นผู้ป่วยที่หายป่วยเป็นรายที่แปดของประเทศมาเลเซีย[397] ต่อมาก็มีรายงานว่าชาวมาเลเซียอีกคนที่ติดเชื้อก็หายดีเป็นรายที่ 9[398]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 375,054 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,378 ราย
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศเลบานอนยีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก เป็นหญิงอายุ 45 ปีที่เดินทางมาจากกอม ประเทศอิหร่าน ซึ่งมีผลตรวจหา SARS-CoV-2 เป็นบวก โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในเบรุต[399]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 510,403 ราย และเสียชีวิต 6,925 ราย
ผู้ป่วยยืนยันสองรายแรกเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 22 มกราคม และรับการรักษาที่โรงพยาบาลโช่เซย ในนครโฮจิมินห์ กรณีแรกเป็นชาวจีนที่เดินทางจากนครอู่ฮั่นไปฮานอย เพื่อเยื่ยมลูกชายที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม และรายที่สองคือลูกชายของเชื่อว่าติดโรคจากผู้เป็นพ่อ[400] หลังจากที่ยืนยันแล้ว รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งให้เปิดใช้งานศูนย์ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดฉุกเฉิน[401]
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ บิดาของผู้ป่วยดังกล่าวมีผลการทดสอบเป็นบวก และกลายเป็นผู้ป่วยรายที่สิบหก[402] วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พวกเขาทั้งหมดได้หายป่วย[403] ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 2,785 ราย เสียชีวิต 35 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ผู้เสียชีวิต 618 ราย มีผู้ติดเชื้อ 96,796 ราย
ผู้ป่วยรายแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการยืนยันในวันที่ 29 มกราคม พรัอมกับครบครัว ของ ชาวอู่ฮั่น[404][405] เป็นผู้หญิงชราชาวจีน อายุ 72 ปี และ ลูกชาย อายุ 34 ปี ที่กรณีแรกเป็นชาวจีนเดินทางมาจากนครอู่ฮั่นไปนครดูไบ ซึ่งมีผลตวรจหา SASR-Cov-2 ถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวไปเข้าโรงพยาบาลในดูไบ
ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ หลังจากชาวเอมิเรตส์ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อลูกสาวที่อาศัยอยู่ที่ดูไบ และรายที่สามคือลูกสาวของเชื้อว่าติดโรคกับแม่
วันที่ 2 มืนาคม กรุงอาบูดาบียีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายชาวรัสเซีย อายุ 38 ปี และผู้หญิงชาวรัสเซีย อายุ 36 ปี กรณีแรกเป็นชาวรัสเซียเดินทางจากกรุงมอสโกไปอาบูดาบี ชาวรัสเซียสองคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในอาบูดาบี ต่อมา วันที่ 25 มืนาคม รัฐบาลเอมิเรตส์ได้โอกาศปัญหากับ อาบูดาบีและดูไบ จากปิดชั่วคราว เช่า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หัง โรงภาพยนตร์ และทั้งหมด ยกเว็น โรงพยาบาล และร้านขายยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศปิดพรมแดนที่ตัดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 497,154 ราย เสียชีวิต 1,554 ราย
ผู้ป่วยรายแรกในประเทศสิงคโปร์ได้รับการยืนยันในวันที่ 23 มกราคม[406] ต่อมามีการรายงานพบผู้ป่วยในท้องถิ่นเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร้านย่งไทฮั่ง (Yong Thai Hang) เป็นร้านค้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับการระบุเป็นสถานที่ที่เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากมีผู้หญิงจำนวนสี่คนที่ไม่เคยเดินทางไปยังประเทศจีนเกิดติดเชื้อไวรัสขึ้น[407]
วันที่ 4 มีนาคม มีผู้ป่วยในประเทศรวม 112 คน[408]
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 60,831 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 30 ราย
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีพลเมืองในเฮรัตอย่างน้อยสามคน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากกอม ถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ตัวอย่างเลือดถูกส่งไปยังคาบูลเพื่อทดสอบเพิ่มเติม[409] ภายหลังอัฟกานิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับอิหร่าน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนจากเฮรัตดังกล่าว โดยเป็นชายอายุ 35 ปีซึ่งมีผลการทดสอบ SARS-CoV-2 เป็นบวก[410]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 2,546 ราย ผู้ติดเชื้อ 57,898 ราย
ประเทศอาเซอร์ไบจานมีการยืนยันผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากรัสเซีย ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน[411] และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาอาเซอร์ไบจานได้ประกาศปิดชายแดนที่ติดกับประเทศอิหร่าน[412]
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 4,140 ราย ผู้ติดเชื้อ 300,666 ราย
ประเทศคาซัคสถานยีนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายในวันที่ 13 มีนาคม จากจีน ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศตุรกี และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาคาซัคสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศรัสเซีย ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 287,001 ราย และผู้เสียชีวิต 3,384 ราย
ประเทศอาร์มีเนียยืนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในช่วงปลายของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม เป็นชาวอาร์มีเนียอายุ 29 ปีที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านและมีรายงานยืนยันผลทดสอบเป็นบวก ภริยาของบุคคลนี้ได้ถูกนำไปทดสอบเช่นกัน โดยผลออกมาเป็นลบ นายกรัฐมนตรีนิกอล ปาชินยันแถลงว่าผู้ป่วยนั้น "มีอาการดีขึ้นแล้ว" นอกจากนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยประมาณ 30 คนถูกนำไปทดสอบและจะถูกกักโรค ซึ่งก่อนหน้านี้อาร์มีเนียได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศอิหร่านไปแล้ว[413]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 3,878 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 208,520 ราย
รัฐบาลอินเดียออกคำแนะนำการเดินทางแก่ประชาชน โดยเฉพาะกับนครอู่ฮั่น ซึ่งมีนักศึกษาแพทย์ชาวอินเดียกำลังศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน[414]
ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีนเข้าสู่ท่าอากาศยานหลักเจ็ดแห่งของประเทศอินเดีย ต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน[415][416]
วันที่ 24 มกราคม มีรายงานผู้ต้องสงสัยจำนวนสองราย ซึ่งกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในมุมไบ[417]
ณ วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2564 รัฐชัมมูและกัศมีร์ มีผู้ติดเชื้อ 133,012 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 2,008 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้เสียชีวิตในอินเดียมากถึง 178,793 ราย มีผู้ติดเชื้อ 15,057,767 ราย
ประเทศอินโดนีเซียได้ทำการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิที่เกตและท่าเรือโดยกระทรวงอนามัย และยังมีการจัดเตรียมห้องกักโรคที่โรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง
อินโดนีเซียประกาศห้ามทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้า รวมถึงออกจากประเทศ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป และยังยกเลิกการให้ฟรีวีซ่าและวีซ่าเมื่อมาถึงกับบุคคลสัญชาติจีนด้วย และยังห้ามผู้ที่อยู่หรือพำนักในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันเข้าหรือผ่านประเทศอินโดนีเซีย[418]
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ชาวอินโดนีเซียจำนวน 9 คนที่เดินทางไปบนเรือไดมอนด์พรินเซสมีผลการทดสอบการติดเชื้อเป็นบวก ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมส่งลูกเรือที่เหลือ 68 คนจาก 188 คนจากเรือเวิลด์ดรีม ไปยังเกาะเซอบารูเคกิล ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในบรรดาหมู่เกาะนับพัน[419][420][421]
วันที 2 มีนาคม ทางการอินโดนีเซียได้ยืนยันติดเชื้อว่าพบผู้ป่วย ชาวอินโดนีเซียที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิต 43,424 ราย ผู้ติดเชื้อ 1,604,348 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศอิรัก มี ผู้ติดเชื้อรวม 977,175 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 14,981 ราย[422]
ประเทศอิหร่านเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโลกในทวีปเอเซีย
โดยเจอผู้ติดเชื้อรายแรกที่เมืองกอม (Qom City) ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 2,237,089 ราย ประเทศอิหร่าน มีผู้เสียชีวิต 66,732 ราย
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยโคโรนาไวรัสสองรายแรก เป็นหญิงชาวโอมานสองคนที่กลับมาจากประเทศอิหร่าน[423][424]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิตรวม 1,878 ราย ผู้ติดเชื้อ 180,031 ราย
ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 6,335 ราย ติดเชื้อ 837,047 ราย
วันที่ 26 พฤษภาคม ศูนย์ปกป้องอนามัยฮ่องกงพบผู้ป่วยรวม 1,206 คน ในฮ่องกง และผู้เสียชีวิต 7 คน[425][426][427]ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ฮ่องกง มีผู้เสียชีวิต 209 ราย ติดเชื้อ 11,684 ราย
ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโอเซียเนียได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ และ เฟรนช์พอลินีเชีย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2,500 ราย พบใน 4 ประเทศ คือ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 โอเชียเนียมีผู้เสียชีวิตรวม 1,173 ราย ติดเชื้อรวม 61,225 ราย
ประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ราย มี 5 ประเทศได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศฟิจิ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย และ 1 ดินแดนอาณานิคม ได้แก่ วาลิสและฟูตูนา
วันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุราว 50 ปี ซึ่งเดินทางจากเมืองกว่างโจวมายังเมลเบิร์นในวันที่ 19 มกราคม ผ่านสายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ321 เขาเข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์โมนาชในเมลเบิร์น[428][429] จากนั้นมีการประกาศว่ามีผู้ป่วยอีกสามรายที่มีผลการทดสอบเป็นบวกในรัฐนิวเซาท์เวลส์[430][431] ต่อมามีการเฝ้าสังเกตอาการอีกหกราย และมีการยืนยันว่าจะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลหลังจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่น จากในหกราย มีผู้ต้องสงสัยถึงสองรายที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัส ส่วนที่เหลืออีกสี่รายอาจถูกสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส[432]
หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ออสเตรเลีย ระบุว่าเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพ จะเริ่มคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงในสามสัปดาห์โดยเที่ยวบินจากอู่ฮั่นถึงซิดนีย์ ในวันที่ 23 มกราคม ผู้โดยสารจะได้รับแผ่นพับข้อมูล และข้อให้แสดงตัวหากมีไข้หรือต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรค[433]รัฐแทสเมเนีย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 910 ราย ผู้ติดเชื้อ 29,531 ราย
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยรายแรกกลับมาจากประเทศอิหร่าน[434]วันที่ 25 มีนาคม ประเทศนิวซีแลนด์ พบผู้ติดเชื้อ 205 ราย รักษาหายแล้ว 22 ราย ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน[435] 29 มีนาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก[436]ณ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 ประเทศนิวซีแลนด์มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ผู้ติดเชื้อ 2,382 ราย
หมู่เกาะแชทัม และ เกาะสจวร์ต ไม่พบผู้ติดเชื้อ
ประเทศฟิจิ ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 72 ราย เสียชีวิต 2 ราย
ประเทศปาปัวนิวกินี ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 9,738 ราย เสียชีวิต 89 ราย
เฟรนช์พอลินีเชีย ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 18,696 ราย เสียชีวิต 141 ราย
ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นายกรัฐมนตรีประเทศเอสวาตีนี ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อโควิด 19
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพบทั้ง57ดินแดนทั้งทวีปแอฟริกา จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 3000 ราย มีจำนวน 6 ประเทศ จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดอยู่ที่เวสเทิร์นสะฮารา เสียชีวิต 1 รายศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอียิปต์ และ ประเทศโมร็อกโก
ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นประเทศพบผู้ป่วยรายแรก 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 53,736 ผู้ติดเชื้อ 1,566,769 ราย
ประเทศอียิปต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 อียิปต์ได้ยืนยันติดเชื้อผู้ป่วย มีผู้ชายชาวจีนอายุ 30 ปี ใด้เดินทางมาจาก ประเทศจีน ต้องหา ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นบวก ทำไห้ชาวอียิปต์ถูกติดเชิ้อโควิด-19 ต้องสั่งไปเข้าโรงพยาบาลในไคโร
วันที่ 25 มีนาคม 2563 สายการบินอียิปต์แอร์ ถูกยกเลิกเที่ยวบินแล้ว ต่อมา วันที่ 12 เมษายน 2563 สนามบินแห่งไคโรได้ปิดทำการ อียิปต์ได้ประกาศปิดแดนทะเลซาอุดีอาระเบีย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศอียิปต์ มีผู้เสียชีวิต 12,738 ราย ผู้ติดเชื้อ 261,334 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 8,945 ราย ผู้ติดเชื้อ 505,811 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 9,783 ราย ผู้ติดเชื้อ 285,490 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 3,155 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 119,642 ราย
ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศเอธิโอเปีย ผู้เสียชีวิต 3,370 ผู้ติดเชื้อ 242,028 ราย
เมนูนำทาง
การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน มีผู้ป่วยยืนยันแล้วใกล้เคียง
การระบาดทั่วของโควิด-19 การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศทาจิกิสถาน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศซาอุดีอาระเบีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศแทนซาเนีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบังกลาเทศ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศเกาหลีเหนือ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรปแหล่งที่มา
WikiPedia: การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน http://mcp.gov.ba/?lang=en http://covid19tracker.gov.bd/ http://www.moh.gov.bn/SitePages/pressreleaseCOVID-... http://www.zviazda.by/be/news/20200922/1600771232-... http://www.sante.gouv.cg/ http://covid19.minsante.cm/ http://www.nhc.gov.cn/yjb/s7860/202009/2de52736b3c... http://gismoldova.maps.arcgis.com/apps/opsdashboar... http://covid19zw.com/ http://www.seychellesnewsagency.com/articles/13326...