มีผู้ป่วยยืนยันแล้ว ของ การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน

แผนที่ภาพเคลื่อนไหวการแพร่ของผู้ป่วย 2019-nCoV ยืนยันแล้วตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563

ณ 1 พฤษภาคม ​พ.ศ. 2564​ เวลามาตรฐานกรีนิช 07.09 น. มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2)​ ยืนยันแล้ว 152,043,671 คนใน 229 ประเทศและดินแดน[326] มีผู้เสียชีวิตโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ​แล้วมากกว่า 3,194,440คน และผู้หายป่วยแล้วมากกว่า 129,338,195 คน[327]

ณ 1 พฤษภาคม ​พ.ศ. 2564​ เวลามาตรฐานกรีนิช 07.09 น. มีจำนวน​ 8 ประเทศ ที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า ​100000 ราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ประเทศบราซิล ประเทศอินเดีย ประเทศเม็กซิโก สหราชอาณาจักร ประเทศอิตาลี ประเทศรัสเซีย ประเทศฝรั่งเศส

มีจำนวน​ 9 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80,000 ราย​ โดย ประเทศเยอรมนี รายงานรวม 83,542 ราย เป็นอันดับที่ 9 ของโลก

มีจำนวน​ 16 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 50,000 รายขึ้นไปโดย ประเทศแอฟริกาใต้ มีผู้เสียชีวิตรวม 54,350 ราย เป็นอันดับที่ 16 ของโลก

มีจำนวน​ 25 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 20000 รายขึ้นไปโดย ประเทศแคนาดา มีผู้เสียชีวิตรวม 24,219 ราย เป็นอันดับที่ 25 ของโลก

มีจำนวน​ 42 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 10000 รายขึ้นไปโดย ประเทศญี่ปุ่น มีผู้เสียชีวิตรวม 10,194 ราย เป็นอันดับที่ 42 ของโลก

มีจำนวน 55 ประเทศ ประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 5000 รายขึ้นไป โดย ประเทศฮอนดูรัส ​มีผู้​เสียชีวิต 5,281 ราย อันดับที่ 55 ของโลก​

ในส่วนของประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ และ ผู้เสียชีวิตอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก ณ 1 พฤษภาคม ​พ.ศ. 2564​ เวลามาตรฐานกรีนิช 07.09 น. มี 9 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา​ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 1 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ประเทศบราซิล​ มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 2 ของโลก ประเทศอินเดีย มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ประเทศสเปน มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 9 ของโลก และ มีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตเป็นอันดับที่ 7 ของโลก ประเทศฝรั่งเศส ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 4 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 8 ของโลก ประเทศอิตาลี ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 8 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 6 ของโลก สหราชอาณาจักร ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 7 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ประเทศเยอรมนี ​มีจำนวนผู้ติดเชื้อเป็นอันดับที่ 10 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิต เป็นอันดับที่ 9 ของโลก

อีกทั้งยังพบผู้ป่วยในเรือสำราญอีก 26 ลำ มีผู้เสียชีวิตบนเรือ เรือ เอ็มเอส ซานดัม 2 ราย และ ไดมอนด์พรินเซส (เรือ) 13 ราย เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่น​พื้นที่เหนือสุดของโลกที่พบผู้เสียชีวิต​ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ พื้นที่ใต้สุดของโลกที่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี

ในวันทึ่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ซึ่งตรงกับวันสิ้นปี​​ เวลามาตรฐานกรีนิช 23.59 น. มีผู้ติดเชื้อรวม 83,745,648 ราย มีผู้เสียชีวิต​รวม 1,824,074 ราย มีผู้หายป่วย ​59,279,270 ราย

ยุโรป

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ เวลามาตรฐานกรีนิช 01.40 น. เมื่อเรียงตามจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในแต่ละประเทศ​ 25 อันดับแรกของโลก พบว่า​ 12 ประเทศอยู่ในทวีปยุโรปคิดเป็น​อัตราร้อยละ 48 % โดยจำนวนประเทศ​ 25 อันดับแรกของโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า​ 20000 รายของแต่ละประเทศ​ และเมื่อเรียงตามจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก พบว่าอยู่ในทวีปยุโรป 5 ประเทศ หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 50 ในวันที่ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ เวลามาตรฐานกรีนิช 01.40 น. จำนวนผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรป คิดเป็น 32.16 % ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลก

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ศูนย์​กลางการแพร่ระบาดของทวีปยุโรป​อยู่ที่ ประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ประเทศรัสเซีย

ผู้ป่วยรายแรก ๆ ของทวีปยุโรปมีรายงานจากในประเทศฝรั่งเศสและในประเทศเยอรมนี​รวมถึงประเทศอื่น ๆ โดยเป็นผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น จนวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ได้เกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ขึ้นในประเทศอิตาลี ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณตอนเหนือของมิลาน จากนั้นมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคไปทั่วทั้งทวีปยุโรป โดยหลังจากที่ประเทศมอนเตเนโกรได้รายงานการพบผู้ติดเชื้อเมื่อวันที่ 17 มีนาคม ทำให้มีผู้ป่วยอยู่ในทุกประเทศเอกราชของทวีปยุโรป​

ต่อเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ได้มีรายงานการพบผู้ติดเชื้อในไอล์ออฟแมนซึ่งเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร และพบการติดเชื้อในดินแดน​ที่ยังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องอำนาจอธิปไตยของตนเองอย่าง​ทรานส์นีสเตรีย[328]​นอกจากนี้ยังพบการติดเชื้อในดินแดนปกครองตนเองอย่างหมู่เกาะโอลันด์​ทำให้การติดเชื้อพบในทุกประเทศเอกราชและของทวีปยุโรป ปัจจุบันองค์การอนามัยโลก​ได้ประกาศให้ทวีปยุโรปเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของไวรัสหลังจากสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศจีน[329][330] [327][331][332][333]ณ วันที่ 2 ธันวาคม วาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ผู้เสียชีวิตในทวีปยุโรปจำนวนสูงสุด 12 อันดับแรก​ (นับเฉพาะทวีปยุโรป) ​ได้แก่ สหราชอาณาจักร 127,270 ราย​ ประเทศอิตาลี 116,927 ราย​ ​ประเทศรัสเซีย​ 105,582 ราย ประเทศฝรั่งเศส 100,733 ราย ประเทศเยอรมนี​ ​80,591 ราย ประเทศสเปน 76,981 ราย ประเทศโปแลนด์ 62,032 ราย ประเทศยูเครน 39,786 ราย ประเทศเช็กเกีย 28,426 ราย ประเทศโรมาเนีย​ 26,232 ราย ​ ประเทศฮังการี 25,184 ราย ประเทศเบลเยียม ​23,718 ราย ทั้ง 12 ประเทศยังจัดว่าเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิต ติด 25 อันดับแรกของโลก (มากกว่า 20,000 รายขึ้นไป)

ณ 8 ​เมษายน พ.ศ. 2564​ เวลามาตรฐานกรีนิช 04.23 น. ผู้ติดเชื้อในทวีปยุโรป ​40,823,580 ราย และเสียชีวิตรวม​ 936,709 ราย

พบผู้ติดเชื้อแต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะโอลันด์​ และ นครรัฐวาติกัน พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดได้แก่ หมู่เกาะแฟโร เสียชีวิต 1 ราย

พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อได้แก่ สฟาลบาร์​ และ ยานไมเอน ​ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ดินแดนอาณานิคม​

ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 หมู่เกาะที่มีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียวได้แก่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน​ (หมู่เกาะในทวีปอเมริกาเหนือ)ส่วน หมู่เกาะเคย์แมน​ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย ไอล์ออฟแมน​ มีผู้​เสียชีวิต​ 25 ราย หมู่เกาะแชนเนล​ มีผู้เสียชีวิต 86 ราย เกิร์นซีย์​ มีผู้​เสียชีวิต ​14 ราย เรอูนียง​ มีผู้​เสียชีวิต ​52 ราย หมู่เกาะเติกส์และเคคอส มีผู้เสียชีวิต 14 ราย

ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 แซ็งปีแยร์และมีเกอลง ​มีผู้ติดเชื้อ 16 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แองกวิลลา มีผู้ติดเชื้อ 18 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

รัสเซีย

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ประเทศรัสเซียมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 4,702,101 ราย เป็นอันดับ 5 ของโลก และเสียชีวิต 105,582 ราย เป็นอันดับที่ 7 ของโลก

รัสเซียเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุดโดยผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 59 รายที่แคว้นมูร์มันสค์

ทวีปอเมริกาเหนือ

ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 สหรัฐอเมริกาประเทศเม็กซิโก และ ประเทศแคนาดา​ เป็นศูนย์กลาง​การแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาเหนือ

ณ วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ทวีปอเมริกาเหนือมีจำนวน​ 3 ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​ในแต่ละประเทศมากกว่า 23,600 ราย​ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาประเทศเม็กซิโก ประเทศแคนาดา​ ​จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งทวีปอเมริกาเหนือคิดเป็น 27.92%

ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส

พบผู้ป่วยทั้งหมดจำนวน 4 คน โดยมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 2 คนเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563 ในเกาะเซนต์มาร์ติน ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส โดยตัวผู้ป่วยได้เดินทางมาจากฝรั่งเศสผ่านดินแดนซินต์มาร์เตินของเนเธอร์แลนด์ และแซ็ง-บาร์เตเลมี ซึ่งบุตรชายของผู้ป่วยได้เกิดการติดเชื้อขึ้น ทั้งคู่เดินทางกลับไปยังเกาะเซนต์มาร์ตินและถูกตรวจพบที่ท่าอากาศยาน และได้ถูกส่งตัวต่อไปกักโรคที่โรงพยาบาลบนเกาะ[334] ขณะที่ในกัวเดอลุป มีรายงานผู้ป่วยจำนวนหนึ่งคน[335]

ณ วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 เกาะเซนต์มาร์ติน มีผู้เสียชีวิต 12 ราย กัวเดอลุป มีผู้เสียชีวิต 159 ราย แซ็ง-บาร์เตเลมี มีผู้เสียชีวิต 1 ราย

ปานามา

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ประเทศปานามา มีผู้เสียชีวิต 6,188 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 360,841 ราย

กัวเตมาลา

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 ประเทศกัวเตมาลา ​มีผู้เสียชีวิต 7,221 ราย ผู้ติดเชื้อ 212,734 ราย

เม็กซิโก

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ประเทศเม็กซิโกมีการยืนยันผู้ป่วยครั้งแรกจำนวน 3 คน เป็นชายอายุ 35 ปี และ 59 ปีในเม็กซิโกซิตี และชายอายุ 41 ปีในรัฐซีนาโลอา ซึ่งทั้งสามมีผลการทดสอบเป็นบวกและได้ถูกกักโรคไว้ที่โรงพยาบาลและโรงแรม ตามลำดับ สองคนแรก ทั้งคู่ได้เดินทางไปยังเมืองเบอร์กาโม ประเทศอิตาลี และพำนักอยู่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์[336][337][338][339] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วยรายที่สี่ เป็นหญิงอายุ 20 ปี ซึ่งได้มีการเดินทางไปยังประเทศอิตาลีมา[340] วันที่ 1 มีนาคม มีการพบผู้ป่วยรายที่ 5 เป็นนักศึกษาในรัฐเชียปัส ซึ่งเพิ่งได้เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[341]

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 ประเทศเม็กซิโก มีผู้เสียชีวิต 212,339 ราย เป็นอันดับ 3 ของโลก และ มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 2,305,602 ราย เป็นอันดับที่ 14 ของโลก

แคนาดา

ณ วันที่ 4 มีนาคม มีรายงานผู้ป่วยโคโรนาไวรัสในประเทศแคนาดา 33 คน โดยแบ่งเป็นพบในบริติชโคลัมเบีย 8 คน รัฐออนแทรีโอ 24 คน และรัฐควิเบก 1 คน[342] ผู้ป่วยทุกคนมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก และรักษาหายแล้วจำนวน 8 คน (แบ่งเป็นบริติชโคลัมเบีย 5 คน และรัฐออนแทรีโอ 3 คน)[343]

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 แคนาดามีผู้เสียชีวิต 23,623 ราย พบผู้ติดเชื้อ 1,121,498 ราย ไม่พบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่เกาะแบฟฟิน

สหรัฐ

วันที่ 21 มกราคม สหรัฐรายงานพบผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุ 35 ปีที่อาศัยอยู่ในเทศมณฑลสโนโฮมิช รัฐวอชิงตัน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากอู่ฮั่นที่ท่าอากาศยานนานาชาติซีแอตเทิล–ทาโคมา ในวันที่ 15 มกราคม

วันที่ 25 กุมภาพันธ์ มีการพบผู้ป่วย 66 คน[344] และมีผู้หายป่วยจำนวน 7 คน วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐรายงานพบผู้ป่วยใน รัฐแคลิฟอร์เนียซึ่งอาจเป็นกรณีแรกของการติดต่อกันภายในประเทศ[332] วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทางการรัฐวอชิงตันแถลงยืนยันว่าพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากโรคโคโรนาไวรัสในสหรัฐ[345]

วันที่ 2 มีนาคม เทศมณฑลคิง รัฐวอชิงตัน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและมีรายงานพบผู้ป่วยยืนยัน 14 คน และยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 5 คน[346] ศูนย์อนามัยออรีกอนยังได้รายงานว่าพบผู้อาจติดเชื้อใหม่จำนวนสามรายในรัฐด้วย ซึ่งเป็นชายในเทศมณฑลอูมาทิลลา ซึ่งเข้ารับการรักษาตัวในวัลลาวัลลา รัฐวอชิงตัน[347]

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 ​ มีผู้เสียชีวิต 581,061 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลก จำนวนผู้เสียชีวิตคิดเป็น 19.15% ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดทั่วโลก และมีจำนวนผู้​ติดเชื้อ​ 32,404,454 ราย มากเป็นอันดับ 1 ของโลกเช่นเดียวกัน พื้นที่ที่ไม่พบผู้เสียชีวิตได้แก่ อเมริกันซามัว

สาธารณรัฐโดมินิกัน

วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสรายแรกในประเทศโดมินิกัน และภูมิภาคแคริบเบียน เป็นชายอายุ 62 ปีจากประเทศอิตาลี ซึ่งเดินทางเข้าประเทศในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ และเกิดอาการป่วยในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยผู้นี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทหารรามอนลารา[348]

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 3,418 ราย มีผู้ติดเชื้อ 261,129 ราย

ฮอนดูรัส

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ประเทศฮอนดูรัส​ มีผู้เสียชีวิต​ 4,954 ราย มีผู้ติดเชื้อ 200,259 ราย

อาร์กติก

วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 ศูนย์กลาง​การแพร่ระบาดในพื้นที่วงกลมอาร์กติก ได้แก่แคว้นมูร์มันสค์ (Murmansk Oblast) ​มีผู้ติดเชื้อ 39,989 ราย หายแล้ว 35,767 และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 728 ราย เทศบาลทรุมเซอ และ ​เทศมณฑลฟินมาร์ก ประเทศนอร์เวย์​ พบผู้ติดเชื้อ 1,241 รายรัฐอะแลสกา เฉพาะพื้นที่ใน วงกลมอาร์กติก ได้แก่ เขตนอร์ทสโลป (North Slope Borough)​ ติดเชื้อ​ 746 ราย​ เสียชีวิต 2 ราย และ เขตนอร์ทเวสต์ อาร์กติก​ (Northwest Arctic Borough)​ ติดเชื้อ 376 ราย รวมจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 42,352 ราย เสียชีวิต 730 ราย

ดินแดนในอาร์กติก​ที่อยู่ในวงกลมอาร์กติก มีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่โรงงานแก๊สธรรมชาติเหลว ในหมู่บ้านเบโลคาเมนกา (Belokamenka) ในเมือง มูร์มันสค์ ในประเทศรัสเซีย ราว 200 ราย[349][350]

ทวีปอเมริกาใต้

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ศูนย์​กลางการแพร่ระบาดของทวีปอเมริกาใต้ อยู่ที่ ประเทศบราซิล ประเทศเปรู และ ประเทศชิลี​ ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ทวีปอเมริกาใต้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า​ 12,000 ราย ทั้งหมด​ ​7 ประเทศ​ พื้นที่ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อในทวีปคือ เกาะเซาท์จอร์เจียและหมู่เกาะเซาท์แซนด์วิช

พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด​ ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ​​ได้แก่ที่ ประเทศบราซิล 373,442 ราย อันดับที่ 2 ของโลกรองลงมาได้แก่ ​ประเทศโคลอมเบีย​ 68,328 ราย​ อันดับที่ 11 ของโลก ประเทศอาร์เจนตินา​ 59,228 ราย อันดับที่ 14 ของโลก ประเทศเปรู 57,230 ราย อันดับที่ 15 ของโลก ประเทศชิลี​ 25,177 ราย อันดับที่​ 23 ของโลก

พบผู้ติดเชื้อ 29 ราย แต่ไม่พบผู้เสียชีวิตที่ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์

ประเทศชิลี

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ​​ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อ 829,770 ราย อันดับที่​ 23 ของโลก เสียชีวิต 25,177 ราย อันดับที่​ 23 ของโลกประเทศชิลีเป็นประเทศที่พบผู้เสียชีวิตใกล้แอนตาร์กติกา​มากที่สุดโดยพบที่ แคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา​ มีผู้เสียชีวิต 224 ราย[351]

ประเทศบราซิล

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 13,943,071 ราย เป็นอันดับที่​ 3 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 373,442 ราย​ เป็นอันดับที่​ 2 ของโลก

ประเทศเปรู

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ​จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 1,704,757 ราย เป็นอันดับที่​ 17 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 57,230​ ราย​ เป็นอันดับที่​ 15 ของโลก

ประเทศโคลอมเบีย

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 2,652,947 ราย เป็นอันดับที่​ 13 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 68,328​ ราย​ เป็นอันดับที่​ 11 ของโลก

ประเทศอาร์เจนตินา

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ จำนวน​ผู้​ติดเชื้อ​ 2,694,014 ราย เป็นอันดับที่​ 11 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 59,228 ราย​ เป็นอันดับที่​ 14 ของโลก

ทวีปแอนตาร์กติกา

วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อ 36 รายในฐานวิจัยนายพลเบอร์นาร์โด โอ’ฮิกกินส์ เกลเม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 ฐานวิจัยของชิลีที่ตั้งอยู่ในดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี

ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 ดินแดนแอนตาร์กติกาของชิลี รายงานผู้ติดเชื้อ 58 รายและหายป่วย 58 ราย

เอเชีย

ตั้งแต่ วันที่ 5 ตุลาคม ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของทวีปเอเซีย อยู่ที่ ​ประเทศอินเดีย ประเทศอิหร่าน

ใน วันที่ 25 ธันวาคม ไม่พบรายงานผู้ติดเชื้อใน ประเทศเติร์กเมนิสถานเกาะคริสต์มาส หมู่เกาะโคโคส (คีลิง) ​และ ประเทศเกาหลีเหนือ

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​ ​จำนวนประเทศที่มีผู้เสียชีวิต​มากกว่า 10000 ราย มีจำนวน 8 ประเทศ​

กัมพูชา

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศกัมพูชา
(ณ วันที่ 22 มีนาคม 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ กัมพูชายืนยันพบผู้ป่วยครั้งแรกในเมืองพระสีหนุ เป็นชายชาวจีนอายุ 60 ปี เดินทางไปยังเมืองนี้จากนครอู่ฮั่นพร้อมครอบครัว[352] โดยคนในครอบครัวของเขาถูกกักไว้ พวกเขาไม่มีการแสดงอาการของไวรัส ขณะที่ชายคนดังกล่าวถูกแยกไว้เพื่อรักษาที่โรงพยาบาลส่งต่อพระสีหนุ (Preah Sihanouk Referral Hospital)[353] มีรายงานว่าอาการของเขาคงที่แล้ว[354][355]ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​ ​​มีผู้ติดเชื้อ 6,389 ราย มีผู้เสียชีวิต​ 43 ราย

กาตาร์

กระทรวงสาธารณสุขแห่งกาตาร์ รายงานว่าพบผู้ป่วยไวรัสรายแรกในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยเป็นชาวกาตาร์ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน[356][357][358]ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​ ​มีผู้เสียชีวิต 382 ราย และมีผู้ติดเชื้อ​ 196,580 ราย

เกาหลีใต้

เกาหลีใต้มีผู้ป่วยในวันที่ ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​ ​​จำนวน​ 114,646 ราย และเสียชีวิต 1,801 ราย เป็นการระบาดที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศจีน[359] ผู้ป่วยรายแรกของการระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ในประเทศเกาหลีใต้ ได้รับการประกาศเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563[360] วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอีก 20 คน และวันที่ 20 เพิ่มขึ้นอีก 53 คน ทำให้มีผู้ป่วยรวมขณะนั้นที่ 104 คน ตามการรายงานของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนมากมาจาก "ผู้ป่วยรายที่ 31" ซึ่งเข้าร่วมชุมนุมที่โบสถ์ชินช็อนจีในแดกู[361]

คูเวต

ประเทศคูเวตในปัจจุบันเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในโลกอาหรับ และมีจำนวนผู้ป่วยเป็นรองเพียงประเทศอิหร่านในเอเชียตะวันตก โดยมีผู้ป่วยในประเทศถูกพบแล้ว ​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​จำนวน 256,987 คน[362]เสียชีวิต 1,448 ราย

จอร์เจีย

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์เจีย​ยืนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศ เป็นชายอายุ 50 ปี ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน โดยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี ซึ่งผู้ป่วยรายนี้กลับเข้าสู่จอร์เจียทางพรมแดนประเทศอาร์เซอร์ไบจานโดยรถแท็กซี[363][364][365][366]

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันว่าผู้หญิงชาวจอร์เจียอายุ 31 ปีที่เพิ่งเดินทางไปประเทศอิตาลีมามีผลการทดสอบเป็นบวก และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยายาลโรคติดเชื้อในทบิลีซี[366] นอกจากนั้นยังมีผู้ถูกกักกันอยู่ณโรงพยาบาลทบิลิซีอีก 29 คน โดยที่ อามิรัน กัมเกรลิเซ รัฐมนตรีอนามัยระบุว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่ "มีความเป็นไปได้สูง" ที่อาจมีไวรัสอยู่[367]

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 3,939 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 295,358 ราย

จอร์แดน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ประเทศจอร์แดนริเริ่มการห้ามบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศจีน ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอิหร่านเข้าสู่ราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว[368] ประเทศจอร์แดนได้ทำการคัดกรองทุกคนที่เดินทางเข้าสู่ประเทศผ่านทางท่าอากาศยาน โดยมีการตรวจสอบทรวงอกและลำคอตลอดจนอุณหภูมิร่างกาย ส่วนชาวจอร์แดนที่มีผลทดสอบเป็นบวกจะถูกกักโรคไว้เป็นเวลา 2 สัปดาห์[369]

วันที่ 2 มีนาคม นายกรัฐมนตรีจอร์แดนแถลงว่าพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในประเทศ[370][371] เป็นชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มใช้มาตรการกักโรคชาวจอร์แดนที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิตาลี[370][372]ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มี มีผู้เสียชีวิต 8,246 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 685,973 ราย

จีนแผ่นดินใหญ่

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​​มีผู้เสียชีวิต 4,636 ราย จำนวน​ผู้ติดเชื้อ 90,510 ราย ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนดำเนินการปิดเมืองอู่ฮั่นเนื่องด้วยการระบาดทั่วของโควิด-19

ซาอุดีอาระเบีย

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศซาอุดีอาระเบียประกาศระงับการเข้าประเทศเป็นการชั่วคราวสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในเมกกะ หรือผู้ที่ต้องการเดินทางไปเข้าชมมัสยิดอันนะบะวี รวมถึงนักท่องเที่ยว ต่อมากฎนี้ได้ขยายไปครอบคลุมนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่[373]

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งซาอุดีอาระเบีย ประกาศระงับการเข้าสู่ประเทศของพลเมืองในประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าว (GCC) ยังเมกกะและมะดีนะหฺเป็นการชั่วคราว โดยพลเมืองของประเทศกลุ่ม GCC ที่พำนักอยู่ในประเทศซาอุดีอาระเบียนานเกิน 14 วันติดต่อกัน และไม่ปรากฏอาการใด ๆ อันแสดงถึงโรคโควิด-19 นั้นจะอยู่นอกเหนือกฎดังกล่าว[373]

วันที่ 2 มีนาคม ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าพบผู้ป่วยเป็นรายแรก เป็นชาวซาอุดีอาระเบียที่เดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านผ่านทางประเทศบาห์เรน[374]

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​มีผู้เสียชีวิต 6,823 ราย และมี​ผู้​ติดเชื้อ​ 404,970 ราย

ซีเรีย

ประเทศซีเรีย ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 1,446 ราย และมี​ผู้​ติดเชื้อ​ 21,142 ราย

ญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นยืนยันผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวจีนอายุ 30 ปี ซึ่งเคยมีการเดินทางไปยังอู่ฮั่นมาก่อน มีอาการเมื่อวันที่ 3 มกราคม และกลับเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 6 มกราคม

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต ​9,622 ราย​ และมีผู้​ติดเชื้อ​ 529,829 ราย

ที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้เสียชีวิตอีก 14 ราย บนเรือสำราญ แต่มีผู้เสียชีวิตที่ประเทศญี่ปุ่นเพียง 13 ราย เนื่องจากอีกหนึ่งราย เสียชีวิตในโรงพยาบาลที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่ได้นับรวมไว้กับตัวเลขที่รายงาน ในเว็บไซด์ worldometer

ไต้หวัน

ประเทศไต้หวันพบผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 21 มกราคม[375]​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต​รวม 11 ราย และผู้ติดเชื้อ 1,073 ราย

ตุรกี

ประเทศตุรกีเมื่อวันที่ 10 มีนาคม ผู้ป่วยติดเชื้อโควิดไวรัสโคโรนารายแรก เป็นผู้หญิงชาวจีนอุย อายุ 32 ปี ที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งมีผลตรวลหา SARS-CoV-2 เป็นบวก ทำให้ชาวตุรกีถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในอิสตันบูล

​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศตุรกีมีผู้เสียชีวิต 35,926 ราย และมีจำนวนผู้​ติดเชื้อ 4,268,447​ ราย

ไทย

วันที่ 13 มกราคม ประเทศไทยพบผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นการพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนเป็นครั้งแรก[376][377][378] วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานผู้เสียชีวิตเป็นรายแรก[379]ในวันที่ 6 เมษายน เที่ยวบินจากจาการ์ตาที่ทำการบินลงที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ นำผู้ติดเชื้อเข้าสู่จังหวัดจำนวน 18 ราย​

เกาะที่มีขนาดใหญ่ 5 อันดับแรกของประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อ 3 เกาะณ​ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564 เฉพาะที่ภูเก็ต ​มีผู้ติดเชื้อ 231 ราย เสียชีวิต 3 ราย​ซึ่งจำนวนผู้​เสียชีวิต​มากเป็นอันดับ 3 ของทั้งประเทศ​ รองจากกรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ​ เกาะสมุย​ ติดเชื้อ 8 รายส่วนเกาะพะงัน ซึ่งมีขนาดใหญ่​เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย ติดเชื้อ 1 ราย

ยอดรวมทั้งประเทศ ​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 เสียชีวิต 101 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 42,352 ราย

ทาจิกิสถาน

ประเทศทาจิกิสถาน ในวันที 30 เมษายน พบติดเชื้อโรคไวรัสโคโรนา เป็นผู้ชายชาวทาจิกิสามคนกลับมาจากประเทศอินเดีย มีผู้ป่วย 15 ราย วันที่ 2 พฤษภาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก

ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม ทาจิกิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกันอัฟกานิสถาน ​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 90 ราย​ ผู้ติดเชื้อ 13,308 ราย

เนปาล

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศเนปาล
(ณ วันที่ 26 มกราคม 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

นักศึกษาชาวเนปาลซึ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่นและถูกกักโรคอยู่ในกาฐมาณฑุ[380] กลายเป็นผู้ป่วยรายแรกของประเทศเนปาลและภูมิภาคเอเชียใต้ในวันที่ 24 มกราคม หลังจากตัวอย่างถูกส่งไปยังศูนย์ร่วมองค์การอนามัยโลกในฮ่องกง[381][382] และถูกเลิกกักตัวหลังจากที่อาการดีขึ้น[383] ณ​ วันที่​ 2 มีนาคม พ.ศ. 2564​ รายงานผู้เสียชีวิต ​2,777 ราย และมีผู้ติดเชื้อ 274,216 ราย

บาห์เรน

​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​ มีผู้ติดเชื้อ 164,110 ราย และเสียชีวิต 594 ราย

บังคลาเทศ​

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศบังคลาเทศ​มีผู้เสียชีวิต ​10,385 ราย เป็นและมีผู้ติดเชื้อ 718,950 ราย

เยเมน

ประเทศเยเมน ในวันที่ 10 เมษายน พบผู้ป่วย 1 ราย ในเมืองฮาดราเมาต์ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 1,126 ราย ติดเชื้อ 5.812 ราย

พม่า

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​ ประเทศพม่า มีผู้ติดเชื้อ 142,628 ราย และเสียชีวิต 3,206 ราย

ปากีสถาน

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศปากีสถาน
(ณ วันที่ 9 เมษายน 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

รัฐบาลปากีสถานเริ่มใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานในอิสลามาบาด การาจี ลาฮอร์ และเปศวาร์ เพื่อป้องกันการเข้าสู่ประเทศของไวรัสโคโรนา[384] นอกจากนี้ปากีสถานอินเตอร์เนชันแนลแอร์ไลน์ยังประกาศใช้มาตรการคัดกรองผู้โดยสารก่อนเดินทางขึ้นเครื่องในเที่ยวบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่งด้วย[385] วันที่ 27 มกราคม สภานิติบัญญัติกิลกิต-บัลติสตันประกาศหน่วงเวลาการเปิดด่านแนวเขตแดนจีน–ปากีสถานที่ช่องผ่านแดนคุนเยรับในเดือนกุมภาพันธ์[386] และยังประกาศปิดพรมแดนปากีสถาน–อิหร่านด้วย[387]

วันที่ 1 มีนาคม มีรายงานพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มเติมในการาจีและอิสลามาบาด ทำให้จำนวนผู้ป่วยของประเทศเพิ่มเป็นสี่ราย[388] ส่วนผู้ป่วยรายแรกและรายที่สองมีประวัติการเดินทางไปยังประเทศอิหร่าน ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเชื้อว่าเขาติดเชื้อ[389]

วันที่ 3 มีนาคม ทางการปากีสถานยืนยันพบผู้ป่วยรายที่ห้า ในแคว้นสินธ์ ผู้ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการแสวงบุญที่ประเทศอิหร่านจำนวน 960 ราย ถูกกักโรคในทันที[390]

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 16,243 ราย มีผู้ติดเชื้อ 756,285 ราย

ฟิลิปปินส์

ผู้ป่วยรายแรกของประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับการยืนยันในวันที่ 30 มกราคม[391] วันที่ 5 กุมภาพันธ์ กรมอนามัย (DOH) ได้มีการยืนยันผู้ป่วยรายที่สาม[392]

ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​ มีผู้เสียชีวิต 15,960 ราย ผู้ติดเชื้อ 936,133 ราย

มาเก๊า

มาเก๊า ​ ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​ มีผู้ติดเชื้อ 49 ราย

มองโกเลีย

ประเทศมองโกเลีย ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​ มีผู้ติดเชื้อ 21,995 ราย เสียชีวิต 44 ราย

มาเลเซีย

ชาวจีนแปดคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในรัฐยะโฮร์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม หลังจากที่มีการติดต่อกับผู้ป่วยในประเทศสิงคโปร์[393] แม้จะมีรายงานในตอนแรกว่าผลการทบสอบให้ผลเป็นลบ[394] แต่ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันว่าทั้งสามคนติดเชื้อ และถูกส่งตัวไปกักไว้ที่โรงพยาบาลสุไหงบูโลห์ในรัฐเซอลาโงร์[395][396]

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ผู้ป่วยรายที่สิบห้าซึ่งเป็นชาวจีนได้หายป่วยอย่างสมบูรณ์ นับเป็นผู้ป่วยที่หายป่วยเป็นรายที่แปดของประเทศมาเลเซีย[397] ต่อมาก็มีรายงานว่าชาวมาเลเซียอีกคนที่ติดเชื้อก็หายดีเป็นรายที่ 9[398]ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 375,054 ราย และมีผู้เสียชีวิต 1,378 ราย

เลบานอน

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประเทศเลบานอนยีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรก เป็นหญิงอายุ 45 ปีที่เดินทางมาจากกอม ประเทศอิหร่าน ซึ่งมีผลตรวจหา SARS-CoV-2 เป็นบวก โดยถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในเบรุต[399]ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 510,403 ราย และเสียชีวิต ​6,925 ราย

เวียดนาม

ผู้ป่วยยืนยันสองรายแรกเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 22 มกราคม และรับการรักษาที่โรงพยาบาลโช่เซย ในนครโฮจิมินห์ กรณีแรกเป็นชาวจีนที่เดินทางจากนครอู่ฮั่นไปฮานอย เพื่อเยื่ยมลูกชายที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม และรายที่สองคือลูกชายของเชื่อว่าติดโรคจากผู้เป็นพ่อ[400] หลังจากที่ยืนยันแล้ว รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งให้เปิดใช้งานศูนย์ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดฉุกเฉิน[401]

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ บิดาของผู้ป่วยดังกล่าวมีผลการทดสอบเป็นบวก และกลายเป็นผู้ป่วยรายที่สิบหก[402] วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พวกเขาทั้งหมดได้หายป่วย[403] ​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 2,785 ราย เสียชีวิต 35 ราย

ศรีลังกา

​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ผู้เสียชีวิต 618 ราย มีผู้ติดเชื้อ 96,796 ราย

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ผู้ป่วยรายแรกของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้รับการยืนยันในวันที่ 29 มกราคม พรัอมกับครบครัว ของ ชาวอู่ฮั่น[404][405]​ เป็นผู้หญิงชราชาวจีน อายุ 72 ปี และ ลูกชาย อายุ 34 ปี ที่กรณีแรกเป็นชาวจีนเดินทางมาจากนครอู่ฮั่นไปนครดูไบ ซึ่งมีผลตวรจหา SASR-Cov-2 ถูกกักโรค โดยถูกส่งตัวไปเข้าโรงพยาบาลในดูไบ

ณ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ หลังจากชาวเอมิเรตส์ได้ติดเชื้อโรคโควิด-19 เพื่อลูกสาวที่อาศัยอยู่ที่ดูไบ และรายที่สามคือลูกสาวของเชื้อว่าติดโรคกับแม่

วันที่ 2 มืนาคม กรุงอาบูดาบียีนยันพบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นผู้ชายชาวรัสเซีย อายุ 38 ปี และผู้หญิงชาวรัสเซีย อายุ 36 ปี กรณีแรกเป็นชาวรัสเซียเดินทางจากกรุงมอสโกไปอาบูดาบี ชาวรัสเซียสองคนถูกกักตัวอยู่ที่โรงแรมในอาบูดาบี ต่อมา วันที่ 25 มืนาคม รัฐบาลเอมิเรตส์ได้โอกาศปัญหากับ อาบูดาบีและดูไบ จากปิดชั่วคราว เช่า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ หัง โรงภาพยนตร์ และทั้งหมด ยกเว็น โรงพยาบาล และร้านขายยา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศปิดพรมแดนที่ตัดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย

​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 497,154 ราย เสียชีวิต 1,554 ราย

สิงคโปร์

ผู้ป่วยรายแรกในประเทศสิงคโปร์ได้รับการยืนยันในวันที่ 23 มกราคม[406] ต่อมามีการรายงานพบผู้ป่วยในท้องถิ่นเป็นรายแรกเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร้านย่งไทฮั่ง (Yong Thai Hang) เป็นร้านค้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนได้รับการระบุเป็นสถานที่ที่เกิดการติดเชื้อ เนื่องจากมีผู้หญิงจำนวนสี่คนที่ไม่เคยเดินทางไปยังประเทศจีนเกิดติดเชื้อไวรัสขึ้น[407]

วันที่ 4 มีนาคม มีผู้ป่วยในประเทศรวม 112 คน[408]

​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้ติดเชื้อ 60,831 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 30 ราย

อัฟกานิสถาน

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีพลเมืองในเฮรัตอย่างน้อยสามคน ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาจากกอม ถูกต้องสงสัยว่าติดเชื้อโควิด-19 ตัวอย่างเลือดถูกส่งไปยังคาบูลเพื่อทดสอบเพิ่มเติม[409] ภายหลังอัฟกานิสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับอิหร่าน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามคนจากเฮรัตดังกล่าว โดยเป็นชายอายุ 35 ปีซึ่งมีผลการทดสอบ SARS-CoV-2 เป็นบวก[410]​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​​ มีผู้เสียชีวิต​ ​2,546 ราย ผู้ติดเชื้อ 57,898 ราย

อาเซอร์ไบจาน

ประเทศอาเซอร์ไบจานมีการยืนยันผู้ป่วยรายแรกในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ จากรัสเซีย ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่าน[411] และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มเติมอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาอาเซอร์ไบจานได้ประกาศปิดชายแดนที่ติดกับประเทศอิหร่าน[412]

​​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต ​4,140 ราย ผู้ติดเชื้อ 300,666 ราย

คาซัคสถาน

ประเทศคาซัคสถานยีนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายในวันที่ 13 มีนาคม จากจีน ซึ่งเคยเพิ่งเดินทางมาจากประเทศตุรกี และยังมีการพบผู้ป่วยเพิ่มอีกสองรายในประเทศ ทั้งหมดถูกกักโรค ต่อมาคาซัคสถานได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศรัสเซีย​ ​ ​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้​ติดเชื้อ​ 287,001 ราย ​และผู้​เสียชีวิต ​3,384 ราย

อาร์มีเนีย

ประเทศอาร์มีเนียยืนยันพบผู้ป่วยโคโรนาไวรัสรายแรกในช่วงปลายของวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 1 มีนาคม เป็นชาวอาร์มีเนียอายุ 29 ปีที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่านและมีรายงานยืนยันผลทดสอบเป็นบวก ภริยาของบุคคลนี้ได้ถูกนำไปทดสอบเช่นกัน โดยผลออกมาเป็นลบ นายกรัฐมนตรีนิกอล ปาชินยันแถลงว่าผู้ป่วยนั้น "มีอาการดีขึ้นแล้ว" นอกจากนี้ยังมีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยประมาณ 30 คนถูกนำไปทดสอบและจะถูกกักโรค ซึ่งก่อนหน้านี้อาร์มีเนียได้ประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับประเทศอิหร่านไปแล้ว[413]​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​มีผู้เสียชีวิต 3,878 ราย และมี​ผู้ติดเชื้อ 208,520 ราย

อินเดีย

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย
(ณ วันที่ 9 เมษายน 2563):
  พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว
  พบผู้ต้องสงสัย

รัฐบาลอินเดียออกคำแนะนำการเดินทางแก่ประชาชน โดยเฉพาะกับนครอู่ฮั่น ซึ่งมีนักศึกษาแพทย์ชาวอินเดียกำลังศึกษาอยู่ประมาณ 500 คน[414]

ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศจีนเข้าสู่ท่าอากาศยานหลักเจ็ดแห่งของประเทศอินเดีย ต้องเดินผ่านเครื่องตรวจจับความร้อน[415][416]

วันที่ 24 มกราคม มีรายงานผู้ต้องสงสัยจำนวนสองราย ซึ่งกำลังเข้ารับการรักษาอยู่ในมุมไบ[417]

​ณ​ วันที่​ 4 เมษายน พ.ศ. 2564 รัฐชัมมูและกัศมีร์ มีผู้ติดเชื้อ 133,012 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 2,008 ราย

​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้เสียชีวิตในอินเดียมากถึง 178,793 ราย มีผู้ติดเชื้อ 15,057,767 ราย

อินโดนีเซีย

ประเทศอินโดนีเซียได้ทำการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิที่เกตและท่าเรือโดยกระทรวงอนามัย และยังมีการจัดเตรียมห้องกักโรคที่โรงพยาบาลกว่า 100 แห่ง

อินโดนีเซียประกาศห้ามทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้า รวมถึงออกจากประเทศ ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป และยังยกเลิกการให้ฟรีวีซ่าและวีซ่าเมื่อมาถึงกับบุคคลสัญชาติจีนด้วย และยังห้ามผู้ที่อยู่หรือพำนักในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันเข้าหรือผ่านประเทศอินโดนีเซีย[418]

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ชาวอินโดนีเซียจำนวน 9 คนที่เดินทางไปบนเรือไดมอนด์พรินเซสมีผลการทดสอบการติดเชื้อเป็นบวก ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเตรียมส่งลูกเรือที่เหลือ 68 คนจาก 188 คนจากเรือเวิลด์ดรีม ไปยังเกาะเซอบารูเคกิล ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ในบรรดาหมู่เกาะนับพัน[419][420][421]

วันที 2 มีนาคม ทางการอินโดนีเซียได้ยืนยันติดเชื้อว่าพบผู้ป่วย ชาวอินโดนีเซียที่เดินทางกลับมาจากประเทศจีน

​​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 อินโดนีเซียมีผู้เสียชีวิต 43,424 ราย ผู้ติดเชื้อ 1,604,348 ราย

อิรัก

​​​​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​ประเทศอิรัก มี ผู้ติดเชื้อรวม 977,175 ราย และมีผู้เสียชีวิตจำนวน 14,981 ราย[422]

อิหร่าน

ประเทศอิหร่านเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโลกในทวีปเอเซีย

โดยเจอผู้ติดเชื้อรายแรกที่เมืองกอม (Qom City) ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

​​​​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 2,237,089 ราย ประเทศอิหร่าน มีผู้เสียชีวิต 66,732 ราย

โอมาน

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการยืนยันผู้ป่วยโคโรนาไวรัสสองรายแรก เป็นหญิงชาวโอมานสองคนที่กลับมาจากประเทศอิหร่าน[423][424]​​​​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​​​ มีผู้เสียชีวิตรวม 1,878 ราย ผู้ติดเชื้อ 180,031 ราย

อิสราเอล

​​​​​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​​ ​ประเทศอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 6,335 ราย ติดเชื้อ 837,047 ราย

ฮ่องกง

วันที่ 26 พฤษภาคม​ ศูนย์ปกป้องอนามัยฮ่องกงพบผู้ป่วยรวม 1,206 คน ในฮ่องกง และผู้เสียชีวิต 7 คน[425][426][427]​ณ​ วันที่​ 19 เมษายน พ.ศ. 2564​​ ฮ่องกง มีผู้เสียชีวิต 209 ราย ติดเชื้อ 11,684 ราย

โอเชียเนีย

ณ วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโอเซียเนียได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์​ และ​ เฟรนช์พอลินีเชีย

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ​จำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2,500 ราย พบใน 4 ประเทศ คือ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย

​ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564​ ​โอเชียเนียมีผู้เสียชีวิตรวม​ 1,173 ราย ติดเชื้อรวม 61,225 ราย

ประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 1 ราย มี 5 ประเทศได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศฟิจิ ประเทศปาปัวนิวกินี เฟรนช์พอลินีเชีย​ และ 1 ดินแดนอาณานิคม ได้แก่ วาลิสและฟูตูนา

ประเทศออสเตรเลีย

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศออสเตรเลีย
(ณ วันที่ 9 เมษายน​ 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย

วันที่ 25 มกราคม มีการยืนยันผู้ป่วยรายแรก เป็นชายอายุราว 50 ปี ซึ่งเดินทางจากเมืองกว่างโจวมายังเมลเบิร์นในวันที่ 19 มกราคม ผ่านสายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ CZ321 เขาเข้ารับการรักษาตัวที่ศูนย์การแพทย์โมนาชในเมลเบิร์น[428][429] จากนั้นมีการประกาศว่ามีผู้ป่วยอีกสามรายที่มีผลการทดสอบเป็นบวกในรัฐนิวเซาท์เวลส์[430][431] ต่อมามีการเฝ้าสังเกตอาการอีกหกราย และมีการยืนยันว่าจะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลหลังจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากนครอู่ฮั่น จากในหกราย มีผู้ต้องสงสัยถึงสองรายที่มีโอกาสติดเชื้อไวรัส ส่วนที่เหลืออีกสี่รายอาจถูกสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส[432]

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ออสเตรเลีย ระบุว่าเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยทางชีวภาพ จะเริ่มคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาถึงในสามสัปดาห์โดยเที่ยวบินจากอู่ฮั่นถึงซิดนีย์ ในวันที่ 23 มกราคม ผู้โดยสารจะได้รับแผ่นพับข้อมูล และข้อให้แสดงตัวหากมีไข้หรือต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อโรค[433]รัฐแทสเมเนีย มีผู้เสียชีวิต 13 ราย

ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 ​มีผู้เสียชีวิต​ 910 ราย ผู้ติดเชื้อ 29,531 ราย

ประเทศนิวซีแลนด์

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พบผู้ป่วยรายแรกกลับมาจากประเทศอิหร่าน[434]วันที่ 25 มีนาคม ประเทศนิวซีแลนด์ พบผู้ติดเชื้อ 205 ราย รักษาหายแล้ว 22 ราย ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน[435] 29 มีนาคม พบผู้เสียชีวิตรายแรก[436]ณ 2 มีนาคม ​พ.ศ. 2564​ ​ประเทศนิวซีแลนด์​มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ​ผู้ติดเชื้อ 2,382 ราย

หมู่เกาะแชทัม​ และ เกาะสจวร์ต​ ไม่พบผู้ติดเชื้อ

ประเทศฟิจิ

ประเทศฟิจิ​ ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 72 ราย เสียชีวิต 2 ราย

ประเทศปาปัวนิวกินี

ประเทศปาปัวนิวกินี ​ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 9,738 ราย เสียชีวิต 89 ราย

เฟรนช์พอลินีเชีย

เฟรนช์พอลินีเชีย ณ 19 เมษายน ​พ.ศ. 2564 พบผู้ติดเชื้อ 18,696 ราย เสียชีวิต 141 ราย

แอฟริกา

ในวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2563 นายกรัฐมนตรีประเทศเอสวาตีนี ถึงแก่อสัญกรรมจากการติดเชื้อโควิด 19

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตพบทั้ง57ดินแดนทั้งทวีปแอฟริกา จำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 3000 ราย มีจำนวน 6 ประเทศ จำนวนผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดอยู่ที่เวสเทิร์นสะฮารา เสียชีวิต 1 รายศูนย์กลางการแพร่ระบาดอยู่ที่ ประเทศแอฟริกาใต้ ประเทศอียิปต์ และ ประเทศโมร็อกโก

ประเทศแอฟริกาใต้

ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นประเทศพบผู้ป่วยรายแรก 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​มีผู้เสียชีวิต 53,736 ผู้ติดเชื้อ 1,566,769 ราย

ประเทศอียิปต์​

แผนที่การแพร่ระบาดในประเทศอียิปต์
(ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563):
  มีรายงานยืนยันผู้ป่วย
  มีการรายงานผู้ต้องสงสัย

ประเทศอียิปต์วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 อียิปต์ได้ยืนยันติดเชื้อผู้ป่วย มีผู้ชายชาวจีนอายุ 30 ปี ใด้เดินทางมาจาก ประเทศจีน ต้องหา ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ เป็นบวก ทำไห้ชาวอียิปต์ถูกติดเชิ้อโควิด-19 ต้องสั่งไปเข้าโรงพยาบาลในไคโร

วันที่ 25 มีนาคม 2563 สายการบินอียิปต์แอร์ ถูกยกเลิกเที่ยวบินแล้ว ต่อมา วันที่ 12 เมษายน 2563 สนามบินแห่งไคโรได้ปิดทำการ อียิปต์ได้ประกาศปิดแดนทะเลซาอุดีอาระเบีย

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ประเทศอียิปต์ มี​ผู้เสียชีวิต 12,738 ราย ผู้ติดเชื้อ 261,334 ราย

ประเทศโมร็อกโก

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 8,945 ราย ผู้ติดเชื้อ 505,811 ราย

ประเทศตูนิเซีย

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 มีผู้เสียชีวิต 9,783 ราย ผู้ติดเชื้อ 285,490 ราย

ประเทศแอลจีเรีย

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​มีผู้เสียชีวิต 3,155 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อ 119,642​ ราย

ประเทศเอธิโอเปีย

ณ 19 เมษายน พ.ศ. 2564 ​ประเทศเอธิโอเปีย ผู้เสียชีวิต 3,370 ผู้ติดเชื้อ 242,028 ราย

ใกล้เคียง

การระบาดทั่วของโควิด-19 การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศทาจิกิสถาน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศซาอุดีอาระเบีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศแทนซาเนีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบังกลาเทศ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศเกาหลีเหนือ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรป

แหล่งที่มา

WikiPedia: การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน http://mcp.gov.ba/?lang=en http://covid19tracker.gov.bd/ http://www.moh.gov.bn/SitePages/pressreleaseCOVID-... http://www.zviazda.by/be/news/20200922/1600771232-... http://www.sante.gouv.cg/ http://covid19.minsante.cm/ http://www.nhc.gov.cn/yjb/s7860/202009/2de52736b3c... http://gismoldova.maps.arcgis.com/apps/opsdashboar... http://covid19zw.com/ http://www.seychellesnewsagency.com/articles/13326...